หลังจากที่ได้ทำอะไรบ้าบอหลายอย่าง ชีวิตที่ผ่านมาเกือบจะครึ่งชีวิต ผมว่ามันใช่เลยนะ “สุขใด เท่าใจหยุดนิ่ง ไม่มีอีกแล้ว” บางคนดิ้นรน ไขว่คว้าชื่อเสียง อำนาจ เงินทอง ไม่รู้จักพอ ชีวิตต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย เมื่อได้มาซึ่งเงินทอง ภายนอกอาจดูมีความสุขดี แต่ความสุขในใจลึกๆ หามีไม่ กลัวคนอื่นจะแซงหน้า กลัวคู่แข่งจะขายดีกว่า กลัวจะถูกปล้น กลัวรถใหม่จะโดนกรีด โดนขโมย มันเครียดนะ เมื่อก่อนผมเคยอยากได้นั่น อยากมีโน่น เฮ๊ยคนอื่นทำไมทำได้แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ก็ลองทำดูบ้าง ทำเส็ดแล้วไง มันก็ไม่เห็นจะอะไรยังไง มาลองคิดๆดู ทุกวันนี้ก็มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ เช้าๆ ขี่มอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ ไปส่งลูกที่โรงเรียน แล้วยาวมาทำงาน เมื่อก่อนขับรถยนต์คันใหญ่ รถติดวินาศสันตะโร จิตใจมันก็อดคิดไม่ได้ว่า แม่งจะติดอะไรนักหนา รถคันนึงมันถูกมากหรือไง ออกป้ายแดงกันจัง ก็บ่นๆไป ทำอะไรได้หรือป่าว ก็อยากสบาย ก็จงทนจอดรอกันไป แต่เมื่อใจเราหยุดนิ่ง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ขี่ไซค์ออโต้ คันน้อยๆ ช้าหน่อย แต่ไปได้เรื่อยๆ ร้อนหน่อยแต่ก็เฉพาะตอนติดไฟแดง พอรถเคลื่อนตัวก็มีลมเย็นๆ มาช่วยได้ ตอนเติมน้ำมัน ควักเงินสดๆจ่าย เพราะเติมทีละ ร้อยกว่าบาท ตอนเติมรถคันใหญ่ เติมทีละ เกือบสองพัน เพราะว่าใจหยุดนิ่ง ไม่ทะเยอทะยานไปหาอะไรที่มันเกินตัวหรือ ฟุ่มเฟือย เราหยุดอยู่แค่มอไซค์คันเล็กๆนี่ก็ได้ แค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบของชีวิตประจำวันนิดหน่อย เท่านี้เราก็สุขใจ เวลาขี่มอไซค์ยามเช้าๆ แถวๆชานเมือง มันสุดยอด โดยเฉพาะแถวริมคลองปะปา (หาเส้นทางที่สวยงามขับขี่สบายๆ รถน้อยที่สุด) นี่แค่เรื่องรถเรื่องการเดินทางนะ เรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องอะไรต่างๆอีก โอ๊ยเขียนได้เป็นเล่มๆ 555+