เพลง “บุสก้าจอมพลัง” booska
ฉันบุสก้ายักษ์หมีเจ้าจอมพลังนั่นเอง ทำอะไรก็เก่ง ถึงยากแต่ทำง่ายดาย
แม้ของตั้งร้อยตัน ฉันก็ยังยกได้สบาย…อู๊ย เก่งมั้ยเนี่ย
บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า
แสนสุดจะน่ารักและเจ้าปัญญา…บุสก้าจอมพลัง
* ฉันบุสก้ายักษ์หมีเจ้าจอมพลังนั่นไง คือจอมซนคนใหม่ ตัวใหญ่ไม่อันตราย
ถึงจะบินก็คล่อง แถมยังล่องหนได้สบาย…อู๊ย เก่งมั้ยเนี่ย
บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า บุสก้า จ้า
แสนสุดจะน่ารักและเจ้าปัญญา…บุสก้าจอมพลัง
(ซ้ำ *)
Booska บุสก้าจอมพลัง หรือ KAIJU BOOSKA (快獣ブースカ) สัตว์ประหลาด (ผู้น่ารัก) เป็นหนังทีวีอมตะเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น (รวมถึงในเมืองไทยด้วย) สร้างสรรค์โดย อ. เอยิ ซึบุราย่า (เจ้าของ ซึบุราย่า โปร ค่ายเดียวกับที่สร้าง อุลตร้าแมน เจ้าปัญหา) โดยออกอากาศครั้งแรกที่ญี่ปุ่น ทางสถานี นิปปอน เทเรบิ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2509 จนจบตอนที่ 47 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2510 โดยหนังถ่ายทำเป็นแบบขาวดำ ในปีนี้ บุสก้า มีอายุ 47 ปีแล้ว เพราะออกฉายทางทีวีครั้งแรก เมื่อปี พศ. 2509 (วันที่ 9 พ.ย. 2509) ส่วนบ้านเรานั้น เอามาฉายในราวปี 2513 ตั้งชื่อว่า “บุสก้า จอมอภินิหาร” และเอามาฉายซ้ำอีกหลายครั้ง จนเด็กๆ ในยุคนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดี (จริงๆ ผมก็เกิดไม่ทันนะ อิอิ) ที่มาของ เจ้าบุสก้านั้น มาจากงานเรื่อง ウルトラQ (อุลตร้าคิว) ในตอนที่ 15 สัตว์ประหลาด “คาเนกอน” (สัตว์ประหลาดชอบกินเหรียญ) โดยคิดกันว่า “ถ้าหากมีสัตว์ประหลาดมาอาศัยอยู่ในบ้านด้วย จะมีบรรยากาศเป็นอย่างไร ?” หลัง Kaiju Booska ออกอากาศได้ไม่นาน บุสก้า ก็กลายเป็นขวัญใจของเด็กๆ เพราะเนื้อเรื่องเป็นแนวเบาสมอง ดูสนุกสนาน แถมภาษาของบุสก้า อย่างเช่นคำว่า “BARASA BARASA” ที่บุสก้าพูดออกมาเวลามีความสุข หรือเมื่อเวลาที่บุสก้าโกรธ จะพูดว่า “PURI PURI NO KIRI RINKO, KAKKAKKA” และยามเศร้า บุสก้าจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “SHIO SHIO NO PA” เป็นที่ฮิตติดปากกันในหมู่เด็กๆ สมัยนั้นกันเลยทีเดียว ในเมืองไทย รัชฟิล์ม ได้นำเข้ามาฉายและใช้ชื่อไทยว่า “บุสก้า จอมอภินิหาร” โดยออกอากาศทางช่อง 7 ขาวดำ ซึ่งก็คือ ททบ. 5 ในปัจจุบัน ในปี 2513 ฉายทุกวันพุธ เวลา 1 ทุ่มและเอามาฉายซ้ำอีกทีที่ช่องเดียวกันในวันเสาร์เวลา 11:40 น. เมื่อปี 2514 ต้องยอมรับกันจริงๆ ว่า ทางญี่ปุ่นเขาอนุรักษ์ผลงานเก่าๆไว้ดีมาก ปัจจุบัน บุสก้ายังเป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักสะสม เดินไปตามร้านขายของเล่น ก็ยังเห็น บุสก้า อยู่ทั่วไป ส่วนบ้านเรา คาแรคเตอร์ รุ่นไล่เลี่ยกันอย่าง เจ้าต๋อง จอมยุ่ง ก็แทบไม่มีอะไรให้มากระทุ้งความทรงจำในวัยเด็กกันอีกแล้ว เนื้อเรื่อง บุสก้า จอมอภินิหาร เริ่มต้นด้วย เด็กชายนักประดิษฐ์ที่ชื่อ ไดซาคุ ทอนดะ ต้องการทดลองสัตว์เลี้ยง อิกัวน่า ให้ขยายร่างให้ได้สัก 300 เท่า (ทำนองให้กลายเป็น ก็อตซิลล่า ที่ฮอลลีวูด แอบขโมยไอเดียญี่ปุ่นอีกแล้วนะ หนังก็อตซิลล่าของฝรั่งก็เอาเรื่อง อิกัวน่ากลายพันธ์จากปรมาณูจนขยายร่างได้) โดยใช้สารอาหารพิเศษที่คิดค้นขึ้นมา (เรียกว่า クロパラ KURO PARA) แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกๆ มีขนสีส้มทั้งตัว และจุดสีน้ำตาล แต่มีความเฉลียวฉลาดเทียบเท่าเด็กนักเรียนชั้น ประถม 5 แถมพกด้วยพลังมหัศจรรย์ ซึ่งกลายมาเป็นที่รักของเพื่อนบ้าน ในตอนกำเนิด ที่การทดลองใส่ KURO PARA ให้ตัวอิกัวน่า แล้วโถกระเบื้องร้าวจนระเบิดแล้วปรากฏตัวบุสก้านั้น ไดซาคุออกสีหน้าผิดหวังที่เห็น บุสก้า ในครั้งแรกตัวเล็กมาก (มองผ่านโถแก้ว นึกว่าตัวใหญ่) แต่ บุสก้า ขยายร่างได้นะ ไดซาคุเลยดีใจใหญ่ แล้วทำไมมักมีรูปโถกระเบื้องเคลือบอยู่คู่กับ บุสก้า เป็นประจำก็มาจากตอนนี้แหละ บุสก้า มีส่วนประกอบของสัตว์หลายชนิดดังนี้ > หู มาจาก หมี > ตา มาจาก กระต่าย > ฟัน มาจาก หนู > พุง (กระเพาะ) มาจาก แร็ดคูน > หาง มาจาก หมู
ความลับของบุสก้า booska
1) เวลาโกรธจะมีควันหุ่งออกมาจากมงกุฎบนหัว ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของบุสก้า ถ้ามนุษย์ได้สวมมงกุฏของบุสก้า ก็จะทำให้มีพลังเพิ่มขึ้น มงกุฏบนหัวยังใช้ได้อีกหลายอย่าง เช่น ใช้พ่นควัน ออกมาจากมงกุฏนี้อำพรางศัตรู หรือในตอนที่ 17 บุสก้าใช้สองมือแตะที่หูทำให้มงกุฏส่องสว่าง
2) หูของบุสก้า สามารถได้ยินไปไกลถึง 10 กิโลเมตร
3) ตาและจมูกของบุสก้ามีสมรรถนะดีกว่าสุนัขเสียอีก โดยเฉพาะจมูกนี่ได้กลิ่นที่อยูไกลไปถึง 10 ไมล์เชียว แถมลูกตาของบุสก้านั้น สามารถมองเห็นได้แม้ในความมืด
4) ด้วยพลังแขน 100 ตัน บุสก้า สามารถน็อค ไจแอนท์ บาบะ (นักมวยปล้ำญี่ปุ่นที่เก่งที่สุดในยุคนั้น) ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ส่วนขาก็มีพลังเตะ 100 ตัน
5) ถ้าใครมาแหย่สะดือ บุสก้า จะะหัวเราะไม่หยุด