32.2 C
Bangkok
Monday, May 12, 2025
More

    Latest Posts

    โรคไต กับการดูแลตัวเอง อย่างไร

    การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
    ไตคืออะไร
    ไตเป็นอวัยวะ ที่มีรูปร่างคล้ายถั่ว มี 2 ข้าง อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านหลังบริเวณบั้นเอว

    หน้าที่ของไต
    ไตมีหน้าที่สำคัญ ดังนี้
    – ขจัดของเสียและน้ำส่วนเกินทิ้งไปโดยกรองออกทางปัสสาวะ ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
    – รักษาระดับเกลือแร่ในเลือดให้เป็นปกติ เกลือแร่ ได้แก่ โซเดียม โปรแตสเซียม ฟอสเฟต
    – สร้างฮอร์โมนต่างๆ ได้แก่ สารสร้างเม็ดเลือดแดง ได้แก่ อิริโทรโพอิติน
    – สารควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับคงที่ ได้แก่ เรนิน สารเสริมกระดูก ได้แก่ วิตตามินดี
    โรคไตเรื้อรัง คืออะไร
    โรคไตเรื้อรัง (ไตเสื่อม) คือ การที่ไตทำงานลดลง หรือเสื่อมตามอายุขัยตามธรรมชาติ โดยไตจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ โดยเฉลี่ยไตจะทำงานลดลง 1% ต่อปี ถ้าไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วหรือหยุดทำงานทันที เรียกว่า โรคไตวายเฉียบพลัน ซึ่งกลับเป็นปกติได้ ถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ถ้าเสื่อมลงอย่างช้าๆ ต่อเนื่องทำให้เกิดความผิดปกติถาวร เรียกว่า ไตวายเรื้อรัง ซึ่งไตจะทำงานได้น้อยกว่า 15% ของไตปกติ

    การแบ่งระยะของโรคไตเรื้อรัง แบ่งเป็น 5 ระยะ ดังนี้
    ระยะที่ 1 ไตเริ่มเสื่อมแต่การทำงานยังปกติ มากกว่า 90 ซีซี/นาที
    ระยะที่ 2 ไตเริ่มเสื่อมแต่การทำงานลดลง เท่ากับ 60-89 ซีซี/นาที
    ระยะที่ 3 ไตทำงานลดลงครึ่งหนึ่ง เท่ากับ 30-59 ซีซี/นาที
    ระยะที่ 4 ไตทำงานลดลงมาก เท่ากับ 15-29 ซีซี/นาที
    ระยะที่ 5 ไตเรื้อรังระยะสุดท้าย น้อยกว่า 15 ซีซี/นาที
    ** ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะที่ 5 ต้องรักษาด้วยการฟอกเลือดหรือการล้างไตทางช่องท้อง

    สาเหตุของไตเสื่อม
    – โรคความดันโลหิตสูง
    – โรคเบาหวาน
    – ไตเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น
    – การอักเสบของไต

    การดูแลตนเองตามระยะการทำงานของไตง่ายๆ ดังนี้
    ระยะที่ 1 ต้องงดสูบบุหรี่ รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ
    ระยะที่ 2 จำกัดอาหารเค็ม
    ระยะที่ 3 จำกัดโปรตีน
    ระยะที่ 4 จำกัดการกินผลไม้
    ระยะที่ 5 เตรียมตัวรับการล้างไต หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

    แนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อชะลอไตเสื่อม
    1. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ได้แก่ การลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารเค็ม กรณีที่มีความดันโลหิตสูงหรือบวม หยุดสูบบุหรี่ หยุดดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
    2. การควบคุมความดันโลหิต โดยมีเป้าหมายให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 130/80 มม.ปรอท ให้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เลือกใช้ยากลุ่ม เอซีอีไอ และกลุ่ม เออาร์บี
    3. การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ที่ระดับน้ำตาลก่อนอาหารเช้า ต่ำกว่า 130 มก/ดล และ HbA1c ต่ำกว่า 7 % ในผู้ป่วยเบาหวาน
    4. การจำกัดโปรตีน โดยรับประทานโปรตีน 0.6 กรัม/ น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/วัน
    5. การลดระดับไขมันในเลือดให้ค่า LDL ต่ำกว่า 100 มก/ดล เลี่ยงการบริโภคไขมันอิ่มตัวสูง
    6. หลีกเลี่ยงสารหรือยาที่มีผลต่อไต ได้แก่ ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือยาสมุนไพร และยาลูกกลอน

    การรับประทานอาหารเมื่อไตเริ่มเสื่อม
    1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
    2. รับประทานโปรตีนคุณภาพดี ได้แก่ ไข่ นม เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และนม และปริมาณโปรตีน 0.6 กรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/ วัน และ 0.3-0.4 กรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/วัน เมื่อไตเสื่อมระยะที่ 4 และ 5
    3. หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ อาหารหมักดอง เนื้อสัตว์แปรรูป ไขมันสัตว์ งดไข่แดงเมื่อฟอสฟอรัสในเลือดสูง
    4. งดอาหารเค็ม ซึ่งมีปริมาณโซเดียมมาก ปริมาณที่ควรรับประทาน/วัน เท่ากับ 2000 มิลลิกรัม หรือเกลือแกง 1 ช้อนชา
    5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสมาก ได้แก่ ถั่วต่างๆ เค้ก พาย น้ำอัดลมที่มีสีเข้ม เนย โยเกิร์ต ช็อคโกแลต ชา กาแฟ และไข่แดง

    Latest Posts

    Don't Miss

    Stay in touch

    To be updated with all the latest news, offers and special announcements.