ลูกชาย : พ่อครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย ?
พ่อ : แน่นอน ได้สิ , ลูกจะถามอะไร
ลูกชาย : พ่อครับ ใน 1 ชั่วโมงพ่อหาเงินได้เท่าไหร่เหรอครับ ?
พ่อ : มันไม่ใช่ธุระอะไรของลูก ทำไมถึงถามอะไรแบบนี้ ?
ลูกชาย : ผมแค่อยากรู้ ได้โปรดบอกผมเถอะครับ ใน 1 ชั่วโมงพ่อหาเงินได้เท่าไหร่เหรอครับ ?
พ่อ : ถ้าลูกต้องรู้ให้ได้ พ่อก็จะบอกให้ฟัง ใน 1 ชั่วโมง พ่อหาเงินได้ 100 บาท
ลูกชาย : โห !!! (ทำหน้าเศร้าพร้อมกับก้มหน้าลง)
ลูกชาย : พ่อครับ ผมขอยืมเงินพ่อ 50 บาทได้มั้ย ?
พ่อของเขาโมโหอย่างมาก
พ่อ : ถ้าด้วยเหตุผลที่ลูกถามเพียงเพราะอยากจะขอยืมเงินพ่อ เพื่อไปซื้อของเล่นห่วยๆ หรือ สิ่งของไร้สาระพวกนั้น ลูกควรจะนำตัวเองตรงกลับไปที่ห้อง และ เข้านอนพร้อมกับคิดว่าทำไมถึงเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ พ่อทำงานหนักทุกวัน เพื่อเลี้ยงลูกที่มีนิสัยอย่างนี้เหรอ
เด็กชายตัวน้อย เงียบลง และค่อยๆเดินขึ้นไปที่ห้องของเขาและปิดประตูลง
พ่อนั่งลงด้วยความโมโห นึกย้อนคิดถึงคำถามของลูกชายเขากล้าถามกับเราอย่างนั้นได้อย่างไร เพียงเพื่อแลกกับเงินบางส่วน
ผ่านไป 1 ชั่วโมง… อารมณ์ของพ่อเริ่มสงบลง และเริ่มคิดได้ว่า บางทีอาจจะมีบางสิ่งที่มีราคา 50 บาท ซึ่งลูกอยากได้จริงๆ
และความจริงแล้ว เขาก็ไม่เคยถาม หรือ ขอเงินเรามาก่อนเลย ดังนั้นเอง พ่อจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปหาลูกน้อยที่ห้องนอน
พ่อ : ยังไม่นอนอีกเหรอลูก ?
ลูก : ไม่ครับพ่อ ผมยังไม่นอน
พ่อ : พ่อมาคิดดูแล้ว บางทีพ่อคงทำงานจนเหนื่อยเกินไป ถึงได้พูดกับลูกแรงขนาดนั้นนี่เงิน 50 บาทที่ลูกขอยืมพ่อ เอาไปสิ
หนุ่มน้อยฉีกยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมกับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง เขาก็รีบดึงแบงค์ยับๆจำนวนหนึ่ง และ เศษเหรียญเล็กๆน้อยๆ ออกมาจากใต้หมอนของเขา เขานั่งบรรจงนับมันอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองพ่อในขณะเดียวกันกับที่พ่อเริ่มจะโมโหขึ้นอีกรอบ เพราะเห็นลูกชายซ่อนเงินจำนวนหนึ่งไว้ใต้หมอน
พ่อ : ลูกจะเอาเงินเยอะแยะขนาดนี้ไปทำอะไรในเมื่อลูกก็มีมันอยู่มากแล้ว (พ่อถามด้วยอารมณ์เริ่มโกรธ)
ลูกชาย : เพราะผมมีไม่พอครับพ่อ แต่ตอนนี้ผมมีครบแล้ว พ่อครับ นี่เงิน 100 บาท ผมขอซื้อเวลาทำงานของพ่อ 1 ชั่วโมง
พรุ่งนี้ตอนเย็น พ่อช่วยกลับบ้านมาหาผมเร็วๆนะครับ ผมเพียงแค่อยากจะกินข้าวเย็นกับพ่อครับ
พ่อหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เพราะความเจ็บปวดที่หน้าอกรู้สึกเหมือนดวงใจของเขา มันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พ่อรีบคุกเข่าลง โผเข้ากอดลูกชายทั้งน้ำตา พร้อมกับขอให้ลูกชายสุดที่รักยกโทษให้ตัวเขา
นี่เป็นเพียงเรื่องสั้นๆ ที่อยากเตือนให้คุณคิดว่าเราไม่ควรปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ความหมาย
พรุ่งนี้ หากคุณตายลงที่ทำงานของคุณก็สามารถหาคนมาทำงานแทนที่ช่วงเวลาของคุณได้อย่างง่ายดาย
แต่สำหรับครอบครัวและคนที่คุณรัก พวกเขาเหล่านั้น ไม่สามารถหาใครมาแทนที่ช่วงเวลาที่สูญเสียไปจากคุณได้ ลองถามตัวเองดูว่า ทุกวันนี้ ตัวของคุณใช้เวลาไปกับสิ่งใดมากกว่ากัน
ระหว่าง การทำงาน หรือว่า ครอบครัว ?
แล้วถามใจตัวเองอีกครั้ง ว่าสิ่งใดกันแน่ ที่มีความสำคัญกับชีวิตของคุณมากกว่ากัน ?